Pages

Saturday, June 13, 2020

ข้อวิพากษ์สิทธิมนุษยชนเครื่องมือต่างประเทศของสหรัฐ สิทธิมนุษยชนเครื่องมือนโยบายต่างประเทศ : - ไทยโพสต์

selasartari.blogspot.com

ที่มา : https://www.facebook.com/DonaldTrump/photos/a.10151443611915725/10156733534675725/?type=3&theater

        โลกนี้ไม่มีประเทศใดเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากบ้างน้อยบ้าง สหรัฐดีกว่าหลายประเทศ แต่ยากจะเชื่อว่าเป็นผู้นำโลกด้านนี้และกำลังเสื่อมถอย

       

        ยุทธศาสตร์แม่บทของรัฐบาลสหรัฐ คือส่งเสริมประชาธิปไตย การค้าเสรี หลักสิทธิมนุษยชน ตำรามากมายเอ่ยถึงนโยบายส่งเสริมเรื่องเหล่านี้ เป็นเครื่องมือสำคัญของนโยบายต่างประเทศ ปรากฏเป็นข่าวอยู่เสมอที่รัฐบาลสหรัฐวิพากษ์วิจารณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศต่างๆ ชี้ว่าประเทศนั้นประเทศนี้ไม่เป็นประชาธิปไตย ขู่ตัดความช่วยเหลือจนถึงขั้นคว่ำบาตร คิดล้มรัฐบาลเผด็จการ แต่การปฏิบัติมีความยืดหยุ่นตามบริบท “รายงานยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก” (Indo-Pacific Strategy Report : IPSR) ของกระทรวงกลาโหมฉบับมิถุนายน 2019 ในสมัยรัฐบาลทรัมป์ระบุอย่างชัดเจนว่า สหรัฐมีค่านิยมและความเชื่อของตัวเอง แต่จะไม่พยายามยัดเยียดวิถีของตนแก่ผู้อื่น

        แม้จะไม่ยัดเยียด แต่มีหลายกรณีที่รัฐบาลทรัมป์ใช้ประเด็นสิทธิมนุษยชนเล่นงานประเทศอื่นๆ ไม่ต่างจากรัฐบาลชุดก่อนๆ

        เป็นประจำทุกปีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐจะออกรายงาน “Human Rights Reports” รายงานนี้ประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศต่างๆ ทั่วโลก นำสู่ข้อสรุปเหตุผลว่าทำไมสหรัฐต้องเล่นงานประเทศที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน จีน เกาหลีเหนือ อิหร่าน เป็นตัวอย่างที่ถูกเอ่ยถึง และรายงานปี 2019 ระบุว่าสหรัฐมีความภูมิใจอย่างยิ่งที่เป็นผู้นำ (champion) เรื่องสิทธิมนุษยชน อุดมการณ์ประชาธิปไตย

        เรื่องแปลกแต่จริงคือ ในขณะที่รัฐบาลสหรัฐประกาศว่าตนเป็นผู้นำโลกด้านสิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย ออกรายงานสิทธิมนุษยชนของตน แต่กลับไม่ยอมรับการประเมินสิทธิมนุษยชนในประเทศตัวเอง มิถุนายน 2018 รัฐบาลทรัมป์ประกาศสหรัฐอเมริกาได้ถอนตัวออกจากคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Rights Council : UNHRC) ด้วยเหตุผลว่า “ไม่คู่ควรกับชื่อ”

        UNHRC เป็นคณะที่ประกอบด้วยสมาชิก 47 ประเทศ  สมาชิกทั้งหมดมาจากการแต่งตั้งโดยสมัชชาสหประชาชาติ เริ่มทำงานเมื่อปี 2006 เป็นองค์กรย่อยทำหน้าที่ส่งเสริมสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศต่างๆ

        Nikki Haley เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติชี้ว่า องค์กรนี้มักชี้ว่าอิสราเอลละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นอคติทางการเมือง ประเทศที่ส่งเสริมสิทธิมนุษยชนกลายเป็นแพะรับบาป จึงขาดความน่าเชื่อถือ รัฐบาลสหรัฐเคยเสนอให้ปฏิรูปแต่เมื่อทำไม่ได้จึงจำต้องถอนตัว

        การที่รัฐบาลทรัมป์ให้เหตุผลว่าเหตุที่ต้องถอนตัวเพราะไม่เป็นธรรมต่ออิสราเอล ข้อนี้คงเป็นข้ออ้างหนึ่งเท่านั้น การรุกล้ำดินแดน การกระทำต่อปาเลสไตน์เป็นประเด็นที่อิสราเอลละเมิดสิทธิมนุษยชนเรื่อยมา นานาชาติต่างประณาม อีกประเด็นที่น่าคิดคือรัฐบาลสหรัฐละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง มีโอกาสถูกประณาม จึงถอนตัวเพื่อหนีและกีดกันรายงานของ UNHRC

        กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียแถลงว่า เป็นอีกครั้งที่รัฐบาลสหรัฐแสดงความเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ (boorish cynicism) ไม่ยอมรับว่าตัวเองละเมิดสิทธิมนุษยชน ละเมิดกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ ทั้งยังพยายามชี้หน้าว่าประเทศอื่นละเมิดสิทธิมนุษยชน พยายามชักนำให้ UNHRC ทำตามที่ตัวเองต้องการ การถอนตัวดังกล่าวเป็นอีกครั้งที่บ่งชี้ว่าไม่ยึดถือหลักสิทธิมนุษยชนอย่างแท้จริง เป็นพวกปากอย่างใจอย่าง พฤติกรรมเป็นหลักฐานในตัวเอง

ปัญหาสิทธิมนุษยชนในสหรัฐ :

      ในขณะที่รัฐบาลสหรัฐแสดงตัวเป็นผู้นำโลกเสรี ส่งเสริมประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนสากล แต่กลับซ่อนปัญหาสิทธิมนุษยชนที่มีมากมายในประเทศตัวเอง ด้วยวิธีการง่ายๆ คือไม่พูดถึงตัวเองและมุ่งพูดถึงปัญหาของประเทศอื่นๆ โจมตีว่ารัฐบาลประเทศเหล่านั้นไม่เป็นประชาธิปไตย กดขี่ข่มเหงประชาชน ปล่อยปละละเลยเรื่องสิทธิมนุษยชน

        เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Michelle Bachelet ประธานคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ร้องขอให้สหรัฐเลิก “เหยียดผิวเชิงโครงสร้าง” (structural racism) อันเป็นหัวใจสำคัญของการชุมนุมประท้วงที่สหรัฐในขณะนี้ สมควรปฏิรูปอย่างจริงจังเสียที

ประชาธิปไตยอเมริกากำลังเสื่อมถอย :

        สิทธิมนุษยชนเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นประชาธิปไตย

กันยายน 2019 ฮิลลารี คลินตัน สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของอดีตประธานาธิบดีบิลล์ คลินตัน อดีตวุฒิสมาชิก รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของรัฐบาลโอบามา กล่าวว่า รัฐบาลทรัมป์ทำหลายอย่างผิดพลาด ไม่ฟังเสียประชาชน “ณ ขณะนี้ประชาธิปไตยของเราอยู่ในภาวะวิกฤติแล้ว” สถาบันประชาธิปไตย ธรรมเนียมประชาธิปไตย ไม่อยู่ในมือของประชาชนอีกแล้ว เราจำต้องลุกขึ้นสู้และแพ้ไม่ได้

ความอีกตอนกล่าวว่า ทรัมป์บ่อนทำลายเอกภาพของชาติ ไม่เป็นผู้นำของคนอเมริกันทั้งประเทศ ใช้ถ้อยคำดูหมิ่นดูแคลนคนอเมริกันเชื้อชาติอื่น เกลียดชังคนบางกลุ่ม สร้างความเกลียดชัง ทำให้คนในชาติแตกแยก

ด้านเจมส์ แมตทิส (James Mattis) อดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของทรัมป์ ชี้ว่า การเมืองในประเทศเป็นภัยต่อชาติมากกว่าศัตรูนอกประเทศ ความแตกแยกทางการเมืองนับวันจะชัดเจนรุนแรง ใช้อารมณ์ ดูหมิ่นเหยียดหยามอีกฝ่าย

คอลิน พอเวลล์ (Colin Powell) อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศวิพากษ์ประธานาธิบดีทรัมป์ ว่าหลักประชาชนเป็นเจ้าของประเทศกลายเป็น “ฉันผู้เป็นประธานาธิบดี” ที่เป็นใหญ่ ไม่เชื่อว่าทรัมป์เป็นผู้นำที่มีศีลธรรม (moral leader) เพราะเท่าที่ปฏิบัติไม่เป็นเช่นนั้น

Richard Haass ประธานสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (Council on Foreign Relations) กล่าวว่า “ยุคนี้เป็นยุคพวกอำนาจนิยม (authoritarian era) ... ประชาธิปไตยเสื่อมถอย” และดูเหมือนประชาชนในหลายประเทศก็ไม่สนใจว่ารัฐบาลเป็นอำนาจนิยมหรือไม่ มีคนพูดว่ารัฐบาลสหรัฐในยุคนี้ส่งออกลัทธิประชานิยม (populism) แทนประชาธิปไตย

รายงาน The Economist Intelligence Unit (EIU) เมื่อปี 2018 ชี้ว่าการปกครองของสหรัฐเข้าสู่การเป็น "ประชาธิปไตยที่บกพร่อง" (flawed democracy) ไม่เป็นแบบอย่างที่ดีอีกต่อไป เป็นหลักฐานเพิ่มเติมอีกชิ้นหนึ่ง ก่อนหน้านี้มีสำนักอื่นที่ชี้ว่า สหรัฐไม่เป็นประชาธิปไตยแท้

        ประเด็นที่ควรเข้าใจคือ ชาวอเมริกันยังคงมีอิสรภาพเสรีภาพในการดำเนินชีวิตมากอยู่ แต่การละเมิดสิทธิมนุษยชนมีไม่น้อยเช่นกัน เป็นปัญหาเก่าแก่ตั้งแต่ก่อนก่อตั้งประเทศเมื่อกว่า 240 ปีเสียอีก คนบางจำพวกยึดถือ White Supremacy ที่ดูหมิ่นดูแคลนคนผิวสี คิดว่าตัวเองเท่านั้นเป็นเจ้าของแผ่นดินที่แท้จริง ต้องการให้คนผิวขาวมีอภิสิทธิ์เหนือพลเมืองอเมริกันอื่นๆ ที่สำคัญคือรัฐบาล ผู้ปกครองประเทศ ไม่ได้ปกครองเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง ประชาชนสามารถแสดงออกแต่ไม่มีผลเปลี่ยนหรือผลักดันนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ ข้อสรุปคือเป็นการเมืองการปกครองที่ไม่ได้มีเพื่อประชาชนจริงๆ

สหรัฐควรแก้ปัญหาตนเองก่อน :

        ไม่ว่าจะเรื่องการเหยียดผิวเหยียดเชื้อชาติ ประชาธิปไตย  หากอยากจะเป็นผู้นำ ต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีเสียก่อน ดังคำกล่าวที่ว่า “ชีวิตดังกว่าคำพูด”

      ในสุนทรพจน์เข้ารับตำแหน่ง (inauguration address) ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) เมื่อมกราคม 2017 ความตอนหนึ่งกล่าวว่า ‘จะไม่ยัดเยียดวิถีชีวิตของเรา (เสรีภาพ ประชาธิปไตยแบบอเมริกัน - ผู้เขียน) แก่ต่างชาติ แต่จะแสดงให้ดูเป็นตัวอย่าง

        ไม่ทราบว่าท่านประธานาธิบดียังจำได้หรือไม่ 3 ปีที่ผ่านมาหลายคนพูดว่าได้พิสูจน์ว่าจริงหรือเท็จแล้ว

        โลกนี้ไม่มีประเทศใดเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากบ้างน้อยบ้าง สหรัฐดีกว่าหลายประเทศ แต่ยากจะเชื่อว่าเป็นผู้นำโลกด้านนี้และกำลังเสื่อมถอย ถ้าอเมริกาไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่เป็นแบบอย่างสิทธิมนุษยชนจะส่งเสริมสิทธิมนุษยชนโลกได้อย่างไร นโยบายส่งเสริมสิทธิมนุษยชนประชาธิปไตยมีไว้เพื่อการใดกันแน่.

Let's block ads! (Why?)


June 14, 2020 at 12:03AM
https://ift.tt/3hq2p3V

ข้อวิพากษ์สิทธิมนุษยชนเครื่องมือต่างประเทศของสหรัฐ สิทธิมนุษยชนเครื่องมือนโยบายต่างประเทศ : - ไทยโพสต์
https://ift.tt/3e2ph87
Home To Blog

No comments:

Post a Comment