Pages

Monday, June 8, 2020

14 วัน ไร้ติดโควิดในประเทศ (คลิป) - ไทยรัฐ

selasartari.blogspot.com

หมอย้ำอย่านอนใจ รอปลอดเชื้อ 30 วัน ส่วนป่วยใหม่ 7 ราย! ล้วนกักตัวจากนอก

นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า 14 วันแล้วที่เราไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อในประเทศ พร้อมยืนยันว่าเรายังมีการค้นหาเชิงรุกอยู่ แต่ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ และจนถึงขณะนี้ตรวจไปแล้ว 468,175 ตัวอย่าง สัปดาห์นี้ยังต้องลุ้น ถ้าปลายสัปดาห์นี้ทุกอย่างเรียบร้อยจะเข้าสู่การผ่อนคลายระยะที่ 4 เปิดพื้นที่ให้ประชาชนมากขึ้น แต่ทุกคนต้องช่วยกัน

ติดเชื้อทั่วโลกทะลุ 7 ล้านคน

สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก โฆษก ศบค.กล่าวว่ามีผู้ติดเชื้อแตะ 7 ล้านรายวันแรก ผู้ป่วยรายใหม่มีสูงถึง 111,755 ราย ทำให้ยอดสะสมอยู่ที่ 7,086,476 ราย และเสียชีวิตสะสม 406,126 ราย และถือเป็นวันแรกที่สหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยสะสมแตะ 2 ล้านราย ส่วนข่าวที่น่าสนใจในต่างประเทศ เกาหลีใต้ยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยระบาดใน 3 กลุ่ม ใหม่ คือ ผู้ที่ทำกิจกรรมในโบสถ์ กลุ่มบริษัทขายสินค้าตามบ้าน และโรงยิมปิงปอง เหล่านี้เราต้องนำมาศึกษา วันที่ 8 มิ.ย. จะมีคนไทยเดินทางกลับมา 3 เที่ยวบิน จำนวน 504 ราย และวันที่ 9 มิ.ย. 5 เที่ยวบิน จำนวน 498 ราย

ต้องปลอดเชื้ออย่างน้อย 30 วัน

วันเดียวกัน ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์โรคโควิด-19 ว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 7 ราย เป็นผู้ที่อยู่ในสถานที่แยกกักของรัฐ (state quarantine) เท่ากับว่าไทยไม่มีการติดเชื้อภายในประเทศต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 14 แล้ว แต่ยังนิ่งนอนใจไม่ได้ เพราะอาจจะมีคนติดเชื้อไม่มีอาการปะปนอยู่ ดังนั้นต้องดูไปก่อน ต้องปลอดการติดเชื้อในชุมชนอย่างน้อย 28-30 วัน ยิ่งการเปิดกิจกรรม/กิจการเฟส 4 โดยเฉพาะการเปิดโรงเรียนวันที่ 1 ก.ค.นั้น ไม่อยากให้มีปัญหาติดเชื้ออีก

ยกญวนไม่นำเชื้อเข้าประเทศ

นพ.อนุพงศ์กล่าวต่อว่า แม้ไม่พบการติดเชื้อในชุมชน 14 วันแล้ว แต่ขอความร่วมมือประชาชนอย่าลืมสวมหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า ล้างมือ การไปที่ที่มีคนจำนวนมากยังเป็นสถานที่ที่ยังไม่ปลอดภัย ขอให้ตัดสินใจให้ดีว่าเราจะไปเสี่ยงหรือไม่ ทั้งนี้ ถ้าดูจากประเทศเพื่อนบ้านเราอย่างเช่นเวียดนามปลอดเชื้อ 55 วันต่อเนื่อง ยังไม่ผ่อนคลายเปิดน่านฟ้าได้ เพราะฉะนั้นไม่มีการนำเชื้อจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศ แม้กระทั่งคนเวียดนามในต่างประเทศยังไม่ให้เข้า ต่างจากไทยที่ยังเปิดและยินดีต้อนรับคนไทยกลับบ้าน แต่ก็ดูแลเต็มที่ในสถานที่แยกกักของรัฐ

คนหายป่วยยังควรแยกตัวก่อน

เมื่อถามว่าหากไม่มีการขยายการอยู่ในสถานที่แยกกัก 14 วัน เมื่อกลับบ้านแล้วควรปฏิบัติอย่างไรเป็นพิเศษหรือไม่ นพ.อนุพงศ์ กล่าวว่า เมื่อกักตัวครบ 14 วันแล้ว ตามข้อมูลคือมีโอกาสแพร่โรคน้อย แต่ต่างจากผู้ป่วย หากครบ 14 วัน เมื่อกลับบ้านแล้วยังต้องแยกห่างจากคนอื่นๆต่อเนื่องไปจนครบ 1 เดือน หรือ 30 วัน ถึงจะสามารถวางใจได้

ไทยทดลองวัคซีนหลายตัว

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงความคืบหน้าการวิจัยวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 ว่า ในประเทศไทยมีการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 หลายตัว ซึ่งมีความคืบหน้าไปมากเช่นกัน อย่างกรณีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พัฒนาและมีความคืบหน้าอยู่หลายเทคนิค และใช้กับหนูทดลอง ซึ่งที่ผ่านมามีการส่งตัวอย่างเลือดของหนูทดลองมาให้กรมวิทยาศาสตร์ฯ ตรวจกว่า 100 ตัวอย่าง ซึ่งมีทั้งตัวอย่างที่ได้รับวัคซีนแต่ละเทคนิค และตัวที่ได้วัคซีนเปรียบเทียบ แต่ทางกรมวิทยาศาสตร์ฯจะไม่ทราบว่าตัวอย่างเลือดที่ส่งมานั้นได้รับอะไรมาบ้าง เพื่อไม่ให้เกิดอคติ

รอผู้พัฒนาวัคซีนเผยข้อมูล

นพ.โอภาส กล่าวว่า ในการตรวจหาภูมิคุ้มกันจะมีหลายวิธี กรมวิทยาศาสตร์ฯ จะเอาเลือดหรือเซรั่ม มาบวกกับเซลล์คล้ายลิง และใส่เชื้อโควิด-19 เข้าไป จากนั้นก็บ่มเพาะเชื้อ หากพบเชื้อมีการขยายตัวมากเท่ากับว่าวัคซีนนั้นไม่มีผลในการป้องกันการติดเชื้อ แต่ถ้าวัคซีนนั้นได้ผลก็จะสามารถยับยั้งเชื้อได้อย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการตรวจวิธีที่ 2 คือการนำเอาเลือดมาเจือจาง หากวัคซีนนั้นมีประสิทธิภาพยิ่งเจือจางมาก 5-10 เท่า แต่ยังสามารถป้องกันเชื้อได้ เป็นต้น ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่ามีวัคซีนจำนวนหลายตัวที่นำมาเจือจางกว่า 500 เท่าแล้วยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อได้ ทางจุฬาฯ จึงนำไปขยายผลทดลองในลิงแล้ว และอยู่ระหว่างการเก็บตัวอย่างเลือดนั้น ขณะนี้ทางจุฬาฯยังไม่ได้ส่งมาที่กรมวิทยาศาสตร์ฯ แต่อย่างใด ส่วนวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัทไบโอเน็ท เอเชีย จำกัด นั้นทราบว่าได้ส่งตัวอย่างมาตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์ฯ แต่ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ต้องให้บริษัทเป็นผู้เปิดเผยข้อมูล

เข้าประเทศมาอีก 504 ราย

ด้านการรับคนไทยกลับจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดวันที่ 8 มิ.ย.มีคณะคนไทยกลับมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำนวน 3 เที่ยวบิน เที่ยวแรกเวลา 06.15 น. คนไทย 214 คน จากประเทศโอมาน กลับมาพร้อมนักการทูตชาวโอมาน 1 คน หลังการคัดกรองการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เบื้องต้น พบผู้โดยสารชาวไทยมีไข้ 11 คน เที่ยวบินที่สองมาถึงเวลา 13.05 น. เป็นคนไทยที่ตกค้างในประเทศไต้หวัน จำนวน 99 คน ตรวจพบมีไข้ 2 คน และเที่ยวบินที่สาม เวลา 21.45 น. กลุ่มคนไทยที่อยู่อาศัยในสหรัฐอเมริกากลับมาอีก 200 คน ทั้งนี้ ผู้ที่ตรวจพบมีไข้ถูกนำตัวไปโรงพยาบาลในจังหวัดสมุทรปราการทันที ส่วนที่เหลือถูกพาไปกักตัวในสถานที่ที่รัฐกำหนด ซึ่งกระจายอยู่ใน กทม. สมุทรปราการ ชลบุรี และนนทบุรี

สหรัฐฯ ตายต่ำสุดในรอบสัปดาห์

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ใน 213 ประเทศและดินแดนทั่วโลก สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ว่า ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกพุ่งขึ้นทะลุ 7.1 ล้านราย เสียชีวิตกว่า 4.06 แสนราย รักษาหายกว่า 3.46 ล้านราย โดยสหรัฐ-อเมริกายังครองแชมป์ผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุด คือติดเชื้อกว่า 2 ล้านราย เสียชีวิตกว่า 1.12 แสนราย และใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สหรัฐฯ มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 691 ราย ซึ่งเป็นยอดต่ำที่สุดในรอบสัปดาห์ เทียบกับในช่วงสูงสุดกว่า 3,000 รายต่อวันเมื่อกลางเดือน เม.ย. ขณะที่ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากติดอันดับ 2-5 คือบราซิล รัสเซีย สเปน และอังกฤษ

กีวีประกาศปลอดโควิด-19

ด้านนางจาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ประกาศเมื่อวันเดียวกันว่า นิวซีแลนด์ ที่มีผู้ติดเชื้อ 1,154 ราย เสียชีวิต 22 ราย แต่ปัจจุบันสามารถคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศได้แล้ว หลังไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ 17 วันติดต่อกัน และไม่พบผู้ติดเชื้อในการค้นหาเชิงรุกตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา ส่วนผู้ป่วยรายสุดท้ายได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว จึงสั่งยกเลิกมาตรการควบคุมทั้งภาครัฐและเอกชนทั้งหมด ไม่ต้องเว้นระยะห่างทางสังคมและไม่ห้ามการชุมนุมอีกต่อไป แต่จะยัง คงปิดพรมแดน นางอาร์เดิร์นยังเผยว่า เธอเต้นรำในห้องนั่งเล่นด้วยความดีใจในความสำเร็จ ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของประชาชนทุกคน ขณะที่ทีมงานถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง “อวาตาร์” ตอนใหม่ ของผู้กำกับเจมส์ คาเมรอน 55 คน ได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้เข้า ไปถ่ายทำต่อได้แล้ว ส่วนสายการบินแห่งชาติ “แอร์ นิวซีแลนด์” เผยแผนฟื้นฟูธุรกิจ 800 วัน ตั้งเป้าจะกลับมาทำกำไรได้อีกครั้งในปี 2565

คิวบาก็ประกาศชัยชนะ

เช่นเดียวกับ ประธานาธิบดีมิเกล ดิแอซคาเนล แห่งคิวบา ประกาศว่าคิวบาควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้แล้ว หลังไม่พบผู้เสียชีวิต 8 วันติดต่อกัน ปูทางสู่การทยอยยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์เป็นขั้นตอน ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อในคิวบาอยู่ที่ 2,191 ราย เสียชีวิต 83 ราย ส่วนแอฟริกาใต้เริ่มเปิดโรงเรียนทั่วประเทศในวันที่ 8 มิ.ย. ตามแผนทยอยผ่อนคลายล็อกดาวน์ที่ใช้มากว่า 1 เดือน แม้ยอดผู้ติดเชื้อสูงเกือบ 50,000 ราย เสียชีวิตเกือบ 1,000 ราย

ละตินอเมริกายอดพุ่งพรวด

อย่างไรก็ดี แม้นานาชาติทั่วโลกเริ่มทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพราะอัตราผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตลดลง แต่ในภูมิภาคละตินอเมริกาสถานการณ์ยังหนัก โดยบราซิลพบผู้ติดเชื้อเพิ่มถึง 12,581 ราย รวมเป็นเกือบ 7 แสนราย มากอันดับ 2 ของโลก เสียชีวิตเพิ่ม 1,382 ราย รวมเป็น 37,312 ราย ส่วนเม็กซิโก พบผู้ติดเชื้อเพิ่มถึง 3,484 ราย รวมเป็น 117,103 ราย เสียชีวิตเพิ่มถึง 188 ราย รวมเป็น 13,699 ราย และคาดว่ายอดที่แท้จริงอาจสูงกว่านี้มาก ด้านชิลีพบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มถึง 6,405 ราย รวมเป็น 134,150 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 653 ราย รวมเป็น 2,290 ราย

ซาอุฯ ติดเชื้อทะลุ 1 แสนราย

ส่วนที่ซาอุดีอาระเบีย พบผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มกว่า 3,000 รายเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ทำให้ยอดสะสมอยู่ที่ 101,914 ราย พุ่งทะลุ 1 แสนรายเป็นครั้งแรก มีผู้เสียชีวิต 712 ราย หลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์แต่กลับพบผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นรอบใหม่ จนต้องสั่งล็อกดาวน์ที่เมืองเจดดาห์ ประตูสู่นครเมกกะอีกครั้ง ก่อนเทศกาลแสวงบุญหรือพิธีฮัจญ์จะเริ่มในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

อังกฤษสั่งกักโรค 2 สัปดาห์

ด้านรัฐบาลอังกฤษประกาศใช้มาตรการบังคับกักตัวทั้งชาวอังกฤษและชาวต่างชาติเกือบทั้งหมดที่เดินทางเข้าอังกฤษเป็นเวลา 14 วันตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย.เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดรอบใหม่ สร้างความไม่พอใจให้สายการบินต่างๆที่กำลังย่ำแย่เพราะพิษโควิด-19 ซึ่งเตรียมฟ้องศาลคัดค้าน โดยสายการบินบริติช แอร์เวย์ส อีซีเจ็ต และไรอัน แอร์ ร่วมออกแถลงการณ์คัดค้าน ชี้ว่าจะทำลายธุรกิจการท่องเที่ยวและการจ้างงานหนักยิ่งขึ้น ส่วนซีอีโอของสนามบินฮีทโธรว์แถลงเตือนว่าอาจมีผู้ตกงานเพิ่มนับแสนหรือนับล้านคน ถ้าสายการบินไม่สามารถให้บริการได้โดยเร็ว

รัสเซีย–โปแลนด์ยังอ่วม

ส่วนประเทศอื่นๆในยุโรป อาทิ รัสเซีย พบผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มเกือบ 9,000 ราย รวมเป็น 476,658 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 112 ราย รวมเป็น 5,859 ราย ส่วนโปแลนด์พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 1,151 ราย ส่วนใหญ่เป็นคนงานในเหมืองโซฟิโอวกาทางภาคใต้ ทำให้รัฐบาลสั่งปิดเหมืองถึง 12 แห่งนาน 3 สัปดาห์ ส่วนยอดติดเชื้อสะสมในโปแลนด์อยู่ที่ 26,561 ราย เสียชีวิต 1,157 ราย ขณะที่นายนิโคล ปาชินยาน นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐอาร์เมเนีย แถลงผ่านสื่อโซเชียลว่า ตนและสมาชิกครอบครัวทั้งหมด ซึ่งตรวจพบติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หายป่วยจากโรคนี้แล้ว หลังการตรวจเชื้อซ้ำหลายครั้งมีผลเป็นลบ และกลับไปทำงานแบบเต็มที่แล้ว ทั้งนี้ อาร์เมเนีย เป็นประเทศที่มีประชากรราว 3 ล้านคน มีผู้ป่วยโควิด-19 มากที่สุดในภูมิภาคคอเคซัสตอนใต้ อยู่ที่ 13,325 ราย มีผู้เสียชีวิตรวม 211 ราย

อินเดียติดเชื้อพุ่งแต่เปิดเมือง

ขณะที่เอเชีย ประเทศอินเดียพบผู้ติดเชื้อรายวันสูงถึง 9,983 ราย รวมเป็น 258,090 ราย มากเป็นอันดับ 6 ของโลก ส่วนยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 7,207 ราย แต่รัฐบาลอินเดียยังเพิ่มการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ที่ใช้มากว่า 10 สัปดาห์ โดยให้เปิดห้างสรรพสินค้า วัดและมัสยิดในหลายเมืองทั่วประเทศ รวมทั้งในกรุงนิวเดลี ส่วนปากีสถาน ซึ่งผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่เดือนที่แล้ว ยอดผู้ติดเชื้อยังพุ่งถึง 103,671 ราย เสียชีวิตรวม 2,067 ราย

จีนพร้อมตอบโต้ทุกข่าวลือ

ที่จีน นายหม่า เซี่ยวเหว่ย ผู้อำนวยการคณะกรรมการสาธารณสุขแห่งชาติ เผยแพร่รายงานฉบับสำคัญเกี่ยวกับการรับมือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของจีน โดยยืนยันว่าจีนรับมือโควิด-19 อย่างโปร่งใส แจ้งข้อมูลรวมทั้งเปิดเผยรหัสโครงสร้างพันธุกรรมของโควิด-19 อย่างรวดเร็วเหมาะสม และจะตอบโต้ผู้ปล่อยข่าวปลอมดูหมิ่นใส่ร้ายจีน พร้อมยังท้าให้นายริค สกอตต์ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ พรรครีพับลิกัน แสดงหลักฐานยืนยันหลังเขาให้สัมภาษณ์วิทยุบีบีซี กล่าวหาว่าจีนพยายามขัดขวางหรือก่อวินาศกรรมการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของชาติตะวันตก

ปินส์ย้ำปิดโรงเรียนอีกยาว

ส่วนในอาเซียน นางลีโอนอร์ ไบรโอเนส รมว.กระทรวงศึกษาธิการฟิลิปปินส์ แถลงว่า ฟิลิปปินส์จะยังไม่อนุญาตให้นักเรียนกลับไปเรียนจนกว่าจะมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยระหว่างนั้นจะให้มีการเรียนการสอนทางออนไลน์หรือโทรทัศน์แทน โดยฟิลิปปินส์พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 579 ราย รวมเป็น 22,474 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 8 ราย รวมเป็น 1,011 ราย ส่วนมาเลเซียพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเพียง 7 ราย รวมเป็น 8,329 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดยังอยู่ที่ 117 ราย ขณะที่อินโดนีเซีย พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 847 ราย รวมเป็น 32,033 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 32 ราย รวมเป็น 1,833 ราย

บ.ยายักษ์ใหญ่วิ่งเต้นรวมตัว

วันเดียวกัน สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า “แอสตราเซเนกา” บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ ได้วิ่งเต้นขอควบรวมกิจการกับ “กิเลียดไซเอินส์” บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ขณะที่ทั้งสองบริษัทกำลังเป็นหัวหอกพัฒนาวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 โดย บ.แอสตราฯติดต่อกับกิเลียดฯ อย่างไม่เป็นทางการตั้งแต่เดือนที่แล้ว ถ้าการควบรวมกิจการสำเร็จจะทำให้บริษัทใหม่มีมูลค่าทรัพย์สินสูงถึง 236,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Let's block ads! (Why?)


June 09, 2020 at 05:28AM
https://ift.tt/2zjYTHg

14 วัน ไร้ติดโควิดในประเทศ (คลิป) - ไทยรัฐ
https://ift.tt/3e2ph87
Home To Blog

No comments:

Post a Comment