
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (8 มิ.ย.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ประชุมแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านเศรษฐกิจ
นายสมคิดกล่าวภายหลังการประชุมตอนหนึ่งว่า ได้หารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เรื่องการการคลายล็อกให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศกลับเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยได้ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากในการฟื้นการท่องเที่ยวของไทย แต่การเปิดให้นักท่องเที่ยงเข้ามา ต้องเลือกสรรอย่างดี ประเทศที่จะจับคู่กันต้องปลอดจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 พอสมควร
“การให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทย ไม่จำเป็นต้องเปิดให้ต่างชาติเข้ามาได้ทั้งประเทศ สามารถเลือกเป็นเมือง หรือมณฑล ที่ปลอดภัยจากโควิดให้เข้ามาเที่ยวในไทยได้ และไทยต้องมีระบบติดตามให้ดี มีระบบดิจิทัลที่ทันสมัย ต้องค่อยๆ เปิด จะมีต่างประเทศเข้ามาเที่ยวไทยในไตรมาส 3-4”
นายสมคิดกล่าวว่า การกระตุ้นการบริโภคและการท่องเที่ยวสำคัญมาก เพราะตอนนี้ การส่งออกหวังพึ่งไม่ได้ การบริโภคในประเทศต้องมีมาตรการเพิ่ม ซึ่งคลังกำลังพิจารณากระตุ้นคนที่มีอำนาจซื้อไปจับจ่ายใช้สอย ออกมาไตรมาส 3 บวกกับของการท่องเที่ยว ตอนนี้การท่องเที่ยวภายในประเทศดี โรงแรมเต็มเกือบ 100% คนอยากออกไปเที่ยว การคลายล็อกของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เริ่มมากขึ้น แต่มาตรการให้คนกรุงเทพฯ ออกไปต่างจังหวัด ต้องมีมาตรการออกมาเพิ่ม เพื่อให้เม็ดเงินท่องเที่ยวหล่อเลี้ยงผู้ประกอบการท่องเที่ยว รวมทั้งเศรษฐกิจในไตรมาส 3-4 ได้
"มาตรการท่องเที่ยวและมาตรการกระตุ้นการบริโภค ต้องเตรียมไว้ เริ่มในไตรมาส 3-4 หวังว่าสิ่งเหล่านี้จะผ่อนคลายและประคองเศรษฐกิจได้ถึงต้นปีหน้า การคิดต้องคิดเป็นรายไตรมาส ปีหน้าหวังส่งออกดีขึ้น ท่องเที่ยวดีขึ้น ถ้ายังไม่ดี คลังเตรียมตัวล่วงหน้าไว้แล้วว่าจะต้องทำอย่างไร มีเงินเยียวยาประชาชนได้อย่างไร คิดก่อนล่วงหน้าแล้ว แต่ยังไม่ถึงเวลาต้องมาพูดกัน"นายสมคิดกล่าว
นายสมคิดกล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการเสริมสภาพคล่องให้ภาคเอกชน โดยการช่วยเหลือด้านสินเชื่อและตราสารหนี้ ซึ่งคาดจะต้องมีบางส่วนที่เข้าไม่ถึงแหล่งเงินอย่างแน่นอน เนื่องจากลักษณะสำคัญของกองทุนตราสารและเรื่องของการปล่อยสินเชื่อ จะต้องกระทำผ่านระบบของธนาคาร โดยตราสารหนี้จะต้องได้รับการจัดอันดับ Investment Grade จากบริษัทฟิชท์ เรตติ้ง และบริษัททริส เรตติ้ง ทำให้มีกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพพอไปได้ แต่ไม่ได้รับการเยียวยา ซึ่งได้ฝากให้กระทรวงการคลัง ธปท. และก.ล.ต. ไปดูแลในส่วนนี้แล้ว
นายอุตตมกล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลต้องดูแลเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เป็นเวลา 6 เดือน และในเวลานี้ ก็ถึงเวลาที่ต้องเข้าฟื้นฟูเศรษฐกิจแล้ว โดยได้เตรียมนัดหารือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เพื่อพิจารณาว่าเอกชนต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐอย่างไร โดยไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นความช่วยเหลือทางการเงินอย่างเดียว แต่จะมีความช่วยเหลือในด้านอื่นๆ ด้วย ขณะที่การช่วยเหลือทางด้านการเงินแก่เอสเอ็มอี ตนต้องการให้มีผลในไตรมาส 3 เพื่อที่จะสามารถช่วยผู้ประกอบการและประชาชนในช่วง 3 เดือนต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า กระทรวงการคลัง และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เห็นตรงกันที่จะใช้มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ หลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มมาตรการ คือ ช่วงเดือน ก.ค.เป็นต้นไป
สำหรับมาตรการที่จะใช้กระตุ้นการท่องเที่ยว เบื้องต้น มีดังนี้ 1.แจกบัตรกำนัล แต่จะเป็นรูปแบบไหน รอสรุปอีกครั้ง 2.แจกเงินให้คนละ 3,000 บาท เพื่อท่องเที่ยวภายในประเทศ (กำหนดอายุมากกว่า 18 ปี ขึ้นไป) และ 3.แคชแบ็ก (Cash back) กรณีใช้เงินเกิน 3,000 บาท รัฐจะคืนเงินกลับไปให้ 10-20% เป็นต้น โดยในส่วนของมาตรการแคชแบ็ก จะมีการลงทะเบียนเพื่อรับเงินคืนเพื่อลดการทุจริต แต่จะลงทะเบียนในรูปแบบไหน ต้องรอสรุปอีกครั้ง
นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง ยังมีแนวคิดมุ่งเน้นให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ พร้อมใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสดอีกด้วย
June 09, 2020 at 04:49AM
https://ift.tt/3dLXOqC
รัฐแจกเงินเที่ยว เปิดรับต่างชาติเข้าประเทศไตรมาส 3 คลังช่วยประชาชน-ธุรกิจถึงสิ้นปี - ผู้จัดการออนไลน์
https://ift.tt/3e2ph87
Home To Blog
No comments:
Post a Comment