วันนี้สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในไทยดีขึ้นมาก ศบค.แถลงเมื่อวันจันทร์ ไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศเป็นวันที่ 28 แล้ว แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือ ภาวะเศรษฐกิจไทยที่ทรุดหนัก จากการปิดร้านปิดธุรกิจปิดเมืองปิดประเทศต่อเนื่องยาวนานหลายเดือน นอกจากเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ธนาคารแห่งประเทศไทย ยังออกมาตรการ ให้ธนาคาร ชะลอการชำระหนี้เอสเอ็มอีกว่า 3 ล้านราย เป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่ 1 มิถุนายน-31 ธันวาคม 2563 รวมทั้ง มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย โดย ให้ลดเพดานดอกเบี้ยลง 2-4% สำหรับ บัตรเครดิต และ สินเชื่อส่วนบุคคล เริ่ม 1 สิงหาคม 2563 และ ห้ามธนาคารจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลห้ามซื้อหุ้นคืน ด้วย เพื่อรักษา “เงินกองทุน” ในระดับสูงรองรับวิกฤติหลังโควิด-19 ใน 1-3 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจไทยหลังโควิดยังวิกฤติต่อเนื่องอีกอย่างน้อยสองปี
แต่ นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลกลับไม่มีใครสนใจวิกฤติของบ้านเมือง ธุรกิจจะเจ๊งคนจะตกงานหลายล้านคนก็ช่าง ก้มหน้าก้มตาเข็น “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ วัย 75 ขึ้นเป็น หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หวังใช้ “บิ๊กป้อม” ไปต่อรองกับ “น้องบิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่กำลังจะ ปรับ ครม. เพื่อ แบ่งเก้าอี้รัฐมนตรีตามที่กลุ่มก๊วนต้องการ ก็หวังว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเห็น แก่ชาติบ้านเมืองมากกว่าความสัมพันธ์
วันนี้เริ่มมีคนในวงการธุรกิจร้องถาม พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ นายกรัฐมนตรี กันมากมาย ท่านจะนำประเทศไทยเดินไปทางไหนหลังวิกฤติโควิด-19 ท่ามกลางขวากหนามมากมาย จะย้อนหลังกลับไปก็ไม่ได้แล้ว เพราะโลกเปลี่ยนไปแล้ว (ยกเว้นโครงสร้างการเมืองไทยและนักการเมืองไทย นอกจากไม่เปลี่ยนแล้วยังทำตัวแย่กว่าเดิม) วันก่อน ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังจากค่ายภัทร ก็ออกมาตั้งคำถามเช่นเดียวกันว่า แม้ รัฐบาลบอกว่ามีเงินกู้ 400,000 ล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจ “แต่สิ่งสำคัญ คือ รัฐบาลจะพาเศรษฐกิจไปทางไหน? ตอน วิกฤติต้มยำกุ้ง เศรษฐกิจยังมีทางไป เพราะค่าเงินบาทอ่อน เศรษฐกิจโลกยังแข็งแรง แต่รอบนี้เศรษฐกิจโลกอ่อนแอกว่าเศรษฐกิจไทย ทำให้ไม่มีทางไป แล้วทิศทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศจะทำอย่างไร”
เป็นคำถามที่ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ นายกรัฐมนตรี จะต้อง มีคำตอบ ให้ประเทศ มีคำตอบให้ประชาชน มีคำตอบให้นักธุรกิจ นักลงทุน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น ไม่ใช่มีแต่ “คำขู่” ทุกวัน ถ้าเปิดล็อกแล้วระบาดอีก ก็จะปิดล็อกใหม่อีก แล้วประชาชนจะไปทำมาหากินอะไร จะมีนักลงทุนหน้าไหนกล้ามาลงทุน แล้วเศรษฐกิจประเทศไทยจะรอดได้อย่างไร
ผมเห็นด้วยกับ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรองนายกฯ ที่เรียกร้องให้รัฐบาลกล้าออกมาจาก “กับดักแห่งความกลัว” และ “ก้าวข้ามความกลัว” ไปสู่ความหวังเมื่อหลายวันก่อน นพ.สุรพงษ์ เรียกร้องให้คนที่รับผิดชอบ “ออกจากหอคอยงาช้าง” แล้วลงไปพบกับ ความจริงที่ประชาชนทั่วไปกำลังเผชิญอยู่ ความเศร้า ความสิ้นหวัง แล้วระดมความเห็นให้มากที่สุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นที่ถูกต้องให้เกิดขึ้นในสังคม
ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ก็เรียกร้องให้รัฐบาล “กล้าเปิดเศรษฐกิจให้มากๆ เพื่อให้ประชาชนเอาตัวรอดเอง” เพราะระบบสาธารณสุขไทย ทำได้ดีแล้ว ข้อมูลของ บล.ภัทร พบว่า กลุ่มเอสเอ็มอีไทยมีสายป่านอยู่ได้แค่ 2 เดือนเท่านั้น (ข้อมูลนี้สอดคล้องกับมาตรการแบงก์ชาติที่ให้ธนาคารพักหนี้เอสเอ็มอี 6 เดือนไปจนถึงสิ้นปี) แม้กระทั่ง บริษัทขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ จากการประเมินของ บล.ภัทร ก็พบว่า มีสายป่านประมาณ 5 เดือนเท่านั้น หลังจากนั้น ถ้ารายได้ยังไม่มา บริษัทต่างๆจะทำอย่างไร
เป็น “โจทย์ใหญ่” ที่ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี จะต้อง ทำการบ้าน จะลอยตัวไม่ได้
ท่านจะ นำประเทศไทยและคนไทย 68 ล้านคน เดินไปในทิศทางไหน ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกตํ่า ถ้าหลงทางลงเหว เศรษฐกิจไม่ฟื้น แถมคอร์รัปชันเต็มเมือง ตัวอย่างประเทศอเมริกาใต้ก็มีให้เห็นหลาย ประเทศ เป็นเรื่องซีเรียสของชาติ นะครับท่านนายกฯ.
“ลม เปลี่ยนทิศ”
อ่านเพิ่มเติม...
June 24, 2020 at 05:01AM
https://ift.tt/2VdVBgl
นายกฯจะนำประเทศไปทางไหน? - ไทยรัฐ
https://ift.tt/3e2ph87
Home To Blog
No comments:
Post a Comment