Pages

Friday, July 3, 2020

คน 17 ประเทศสนใจเข้ามารักษาโควิดในไทย - ไทยรัฐ

selasartari.blogspot.com

ใช้ 14 วัน-ผ่าตัดเสริมความงาม เจอลูกสาว ส.ส.ไข้สูงในสภา ยอดติดเชื้อทั่วโลก 11 ล้านแล้ว

นพ.ทวีศิลป์กล่าวด้วยว่า สิ่งที่น่ากังวลใจช่วงเปิดเทอม คือ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจและโรค มือ เท้า ปาก ได้ติดตามตั้งแต่ปี 2562-2563 พบว่าตัวเลขโรคนี้ในปี 63 ตั้งแต่สัปดาห์แรกจนถึงปัจจุบันเกิดน้อยมาก แต่ปี 2562 พบว่าสูงไปถึงกลางปี ทำให้ในปีนี้อัตราการเกิดโรคต่ำเนื่องจากเปิดเทอมช้าและมีการสวมใส่หน้ากากอนามัย ทำให้ไม่มีการแพร่ระบาด ส่วนโรคไข้หวัดใหญ่ตั้งแต่ช่วงต้นปีสูงขึ้น แต่เนื่องจากมีการรณรงค์สวมหน้ากากอนามัยตั้งแต่ช่วงเดือน ม.ค. มีการเกิดโรคน้อยลงไปเรื่อยๆจนถึงเดือน มิ.ย. กลุ่มที่น่าห่วง คือ เด็กอายุ 0-4 ปี ในระดับอนุบาล กลุ่มอายุ 5-14 ปี ในระดับประถมต้นและประถมปลายที่เพิ่งเปิดเทอม ขอฝากพ่อ แม่ ผู้ปกครอง ดูเรื่องการสวมใส่หน้ากากอนามัย ขณะที่โรคปอดอักเสบแนวโน้มปีนี้ลดลง เนื่องจากมีการป้องกันโรคโควิด ทำให้โรคอื่นๆลดน้อยลงไปด้วย และเด็กมีอัตราการติดเชื้อลดน้อยลง

ห่วงร้านเหล้าเสิร์ฟบ่อยสัมผัสกัน

นพ.ทวีศิลป์ยังกล่าวต่อว่า ส่วนการตรวจกิจการและกิจกรรมที่ได้รับการผ่อนคลายในระยะที่ 5 นายกฯกำชับว่าครั้งนี้มาตรการต่างๆมีความสุ่มเสี่ยงอยู่มาก จึงให้ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทหารสูงสุด ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (หน.ศปม.) นำทีมลงพื้นที่ตรวจ พบว่าสถานบันเทิงส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือดีทุกแห่ง ต้องขอชื่นชม แต่ยังมีบางแห่งยังเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บ่อยๆ ทำให้สัมผัสกันเรื่อยๆ ตรงนี้มีความเข้มของการตรวจ การตรวจครั้งต่อไปผู้ประกอบการจะต้องขอดูผู้เข้าไปตรวจสอบ ว่ามีแอปพลิเคชันผู้พิทักษ์ไทยชนะหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแอบอ้าง

อาจให้คนไข้ต่างชาติเที่ยวได้

นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า ช่วงเช้าวันเดียวกัน มีการประชุม ศบค.ชุดเล็ก มีการนำเสนอร่างการจัดการข้อปฏิบัติ เรื่องการนำเอาผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เพื่อรับการรักษาในโรงพยาบาลของไทย ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ที่เข้ามารักษาโรคอื่นที่ไม่ใช่โควิด อาจมาเสริมความงาม เช่น เสริมจมูก ต้องอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลา 14 วัน แม้ว่าอาจใช้เวลารักษาแค่ 2-3 วัน จากนั้นในวันที่ 1 ส.ค. อาจอนุญาตให้กลุ่มดังกล่าวหากอยากไปท่องเที่ยวในจุดอื่นๆก็จะจัดทัวร์ให้

17 ปท.ต่อแถวลงทะเบียนเข้าไทย

โฆษก ศบค.กล่าวด้วยว่า วันที่ 1 ก.ย. การจับคู่ การเดินทางระหว่างประเทศที่มีความปลอดภัยจากโควิด-19 สูง (ทราเวล บับเบิล) อาจอนุญาตให้กลุ่มเฉพาะที่เราดูแลได้เริ่มต้นลองเข้ามา ถ้าสถานการณ์ดีขึ้นทราเวล บับเบิลจะเกิดขึ้นตามมา แต่ใน 11 กลุ่มเราเน้นนักธุรกิจ หรือผู้ป่วยที่ต้องเข้ามารับการรักษาในประเทศเท่านั้น ไม่ใช่การเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวแบบเดิม มีโรงพยาบาลเอกชนและคลินิกสมัครเข้ามา 62 แห่ง รับเฉพาะเดินทางมาทางเครื่องบินเท่านั้น ขณะนี้มีผู้เริ่มลงทะเบียนขอเข้ามารับการรักษาพยาบาลในไทยแล้ว 17 ประเทศ รวม 1,700 คน โดยมีประเทศที่ขอเข้ามาในเดือน ก.ค. อาทิ จีน กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย คูเวต เป็นต้น

สมช.ห่วงสั่ง สธ.สำรวจความพร้อม

เมื่อถามว่าที่มีการระบุว่า หากมีการระบาดรอบสองจะทำอย่างไรหากเตียงไม่เพียงพอ เพราะมีกลุ่มคนเหล่านี้มานอน นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า เรื่องดังกล่าว พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณามาตรการผ่อนปรนการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดโควิด-19 ให้ดูเรื่องเตียงและทรัพยากรไว้แล้ว ต้องไม่เกิดเรื่องการแย่งเตียงหรือทรัพยากรเหล่านี้ วันหยุดยาวในสัปดาห์นี้ หวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากประชาชน ทุกคนต้องเที่ยวอย่างมีสติ เที่ยวอย่างปลอดภัย ไม่ให้ป่วย และปิดกิจการอีกรอบเหมือนในต่างประเทศ เพื่อให้เราผ่านมาตรการระยะที่ 5 ยิ่งเราทำดีเท่าไหร่ คนต่างชาติก็อยากเข้ามา เมื่อถามต่อว่าการเข้ามารักษาโรงพยาบาลในไทย ญาติหรือผู้ติดตามเข้ามาได้กี่คน ผู้ป่วยที่รับการรักษาไม่ครบ 14 วันต้องกักตัวที่ไทยหรือกลับประเทศได้หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า มีผู้ติดตามได้ไม่เกิน 3 คน ต้องลงทะเบียน และมีใบนัดหมายแพทย์ประกอบ อยู่โรงพยาบาลอย่างน้อย 14 วัน หาก ไม่ครบ 14 วันจะไม่ให้ออก

ศึกษาภูมิคุ้มกันผู้หายจากโควิด

ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.คณวัฒน์ จันทรลาวัณย์ ที่ปรึกษา รมช.สาธารณสุข แถลงถึงโครงการวิจัยฮีโร่โควิด-19 เรื่องการศึกษาภูมิคุ้มกันในผู้ที่หายจากโรคโควิด-19 ว่า โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกรมควบคุมโรค กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยไวรัสวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้รับสนับสนุนงบประมาณในการศึกษาวิจัย จากสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข จำนวน 3 ล้านบาท จึงขอชวนบุคคลที่เคยป่วยโควิดและหายแล้วทุกคน รวมถึงคนที่เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อเข้ามาบริจาคเลือดคนละ 30 ซีซี หรือราว 5 ช้อนชา เพื่อศึกษาถึงภูมิคุ้มกันว่าป้องกันหรือก่อโรคโควิด-19 ได้หรือไม่ และภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นจะป้องกันได้นานเพียงใด

รับอาสาสมัครทำวิจัย

นพ.คณวัฒน์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุญาตการวิจัยต่อคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยใน มนุษย์ หากได้รับอนุญาตคาดว่าจะเริ่มต้นการศึกษาวิจัยได้ภายในเดือน ก.ค. คุณสมบัติของผู้ที่จะเข้าร่วมวิจัย ต้องอายุ 18-60 ปี เคยเป็นผู้ป่วยโควิด-19 และหายดีแล้ว รวมถึงผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่เคยติดเชื้อหรืออยู่ร่วมบ้านเดียวกัน เพื่อศึกษาดูว่ากลุ่มคนที่ไม่เคยติดเชื้อแต่สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยสร้างภูมิคุ้มกันได้หรือไม่ ถ้ามีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติเกิดขึ้นแล้ว จะป้องกันได้หรือไม่ เพื่อนำข้อมูลปรับใช้ในเชิงนโยบาย โดยต้องการอาสาสมัครกลุ่มละ 500 คน รวม 1,000 คน จะมีการเจาะเลือดตรวจ 3 รอบ คือ ระยะ 3 เดือน 6 เดือน 9 เดือน ผู้ป่วยยืนยันสะสมในไทยกว่า 3,000 ราย เข้าร่วมวิจัยได้ ผู้สนใจสอบถามที่ โทร.0-2256-4132 ต่อ 404 หรือส่งอีเมลไปที่ ChulaCovid@gmail.com 

“รัฐสภา” ปล่อยคนมีไข้เข้าพื้นที่

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย 2564 วันที่ 3 บริเวณจุดตรวจวัดอุณหภูมิบริเวณทางเข้า ชั้น B2 ของอาคารรัฐสภา ตรวจพบหญิงรายหนึ่งที่มีอุณหภูมิร่างกาย 37.6 องศาเซลเซียส ถือเป็นอาการบ่งชี้ของผู้มีไข้ มีความเสี่ยงต่อเชื้อโรคโควิด-19 เข้ามาในพื้นที่และเจ้าหน้าที่จุดดังกล่าวอนุญาตให้เข้า ไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนรักษาความปลอดภัยในช่วงโควิด-19 จากการตรวจสอบพบว่าหญิงคนดังกล่าวที่ไม่ทราบว่าเป็นใคร เข้ามาในอาคารรัฐสภาตั้งแต่เวลา 10.03 น.และไม่ได้มีการสแกนผ่านแพลตฟอร์มไทยชนะ หรือแพลตฟอร์มรัฐสภาจริงใจ ก่อนเข้าพื้นที่ กระทั่งเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่สภาฯก็ยังไม่สามารถตามตัวหญิงคนดังกล่าวได้

ปล่อยเข้าโดยไม่ต้องแสดงตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เป็นที่สังเกตว่าในระยะหลัง ตั้งแต่ก่อนที่รัฐบาลจะประกาศผ่อนปรนระยะที่ 5 มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่อาคารรัฐสภา เริ่มมีความหละหลวม มีเพียงการคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิผู้ที่ผ่านเข้าออกและติดสติกเกอร์ยืนยัน รวมทั้งตักเตือนให้สวมหน้ากากอนามัยก่อนเข้าพื้นที่เท่านั้น แต่ไม่ได้บังคับให้สแกน QR Code แพลตฟอร์มไทยชนะ หรือแพลตฟอร์มรัฐสภาจริงใจ ปลอดภัยไร้โควิด หรือการลงชื่อเพื่อบันทึกประวัติการเข้า-ออกพื้นที่เหมือนในช่วงแรกแต่อย่างใด ทำให้เรื่องนี้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า สะท้อนถึงความบกพร่องของระบบรักษาความปลอดภัยของอาคารรัฐสภา ซึ่งถือเป็นสถานที่สำคัญระดับชาติ มีผู้เดินทางเข้าออกจำนวนมาก

ทีเรื่องเก้าอี้หมุนเองสั่งตรวจสอบด่วน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ที่สำคัญเมื่อพบเหตุผิดปกติแล้ว ก็ไม่สามารถติดตามบุคคลมาดำเนินการตรวจสอบได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงประสิทธิภาพ ความเอาใจใส่ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แตกต่างจากกรณีข่าวฮือฮาคลิปเก้าอี้หมุนภายในห้องประชุมสภาฯว่า อาจเกิดจากสิ่งลี้ลับ เมื่อวันก่อน และนายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสำนักงานสภาผู้แทนราษฎร ถึงขั้นสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วนถึงสาเหตุที่เก้าอี้หมุน จนถูกมองว่าสำนักงานตื่นตระหนกเกินเหตุ ให้ความสำคัญกับเรื่องที่ไม่ใช่หน้าที่รับผิดชอบหรือไม่ด้วย

สรุปสาวมีไข้คือ “ลูกสาว ส.ส.มุกดา”

ต่อมา นพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร นำ น.ส.อาทิตยา พงษ์สมบัติ เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร บุตรสาวนางมุกดา พงษ์สมบัติ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงข่าวกรณีมีหญิงสาวมีอุณหภูมิร่างกายสูง 37.6 องศาฯ ผ่านเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายเข้ามาในสภาฯ นพ.สุกิจกล่าวว่า น.ส.อาทิตยาเข้ามาปฏิบัติภารกิจในรัฐสภา เมื่อตรวจวัดอุณหภูมิได้ 37.6 องศาฯ เจ้าหน้าที่ให้นั่งพักและตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายอีกครั้งได้ 37.4 องศาฯ แล้วอนุญาตให้เข้ามาในรัฐสภาได้ ในฐานะที่ตนเป็นแพทย์ การที่อุณหภูมิร่างกายสูง เกิดขึ้นได้จากการตากแดดหรืออากาศร้อน เพื่อเป็นการยืนยันว่า น.ส.อาทิตยามีสุขภาพเป็นปกติ จึงติดตามตัวมาซักถามพบว่าไม่มีประวัติเป็นไข้ ไอ หรือเจ็บคอ หรือรับกลิ่นไม่ได้ ไม่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยโควิด-19 ยืนยันว่ารัฐสภาไม่ได้ปล่อยให้บุคคลที่มีอาการป่วยเข้ามาในพื้นที่ และมีมาตรการคัดกรองตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ทั้งนี้เจ้าหน้าที่รัฐสภาได้ใช้เครื่องวัดอุณหภูมิร่างกายตรวจวัดไข้ น.ส.อาทิตยา ต่อหน้าสื่อมวลชน พบว่าครั้งแรกตรวจได้ 36.4 องศาฯ ครั้งที่ 2 ได้ 36.1 องศาฯ

ยืนยันสภาการ์ดไม่ตก

นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทน ราษฎรกล่าวว่า หลังทราบเรื่องได้สั่งการให้ ผอ. สำนักงานแพทย์ของสภาผู้แทนราษฎร ไปตรวจสอบและมารายงาน พบว่าหญิงคนดังกล่าวเดินเข้ามาในสภาและตรวจด้วยกล้องอินฟราเรดปรากฏอุณหภูมิ 37.6 องศาฯ จึงให้ตรวจซ้ำอีกครั้ง โดยให้นั่งรอและตรวจสอบประวัติว่าเป็นไข้หรือไม่ ตรวจทางเดินหายใจพบว่าไม่มีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ ไม่มีไข้ ผลการตรวจอุณหภูมิครั้งที่สองพบว่าอยู่ที่ 37.4 องศาฯ เมื่อไม่มีปัญหาจึงให้ผ่านเข้ามาในสภา กล้องอินฟราเรดของสภาเป็นมาตรฐานเดียวกับกรมการแพทย์ มีการตั้งกล้องเกิน 37.5 องศาฯ ตั้งค่ากล้องเกินระบบเหมือนกับทุกที่ ขอยืนยันอีกครั้งว่าสภาการ์ดไม่ตก เราเคร่งครัด และกำชับทุกวันว่า ไม่ว่าใครจะใหญ่แค่ไหน ระดับไหน หากอุณหภูมิเกิน 37.5 องศาฯ ไม่ให้เข้ามาในสภา แต่ให้ตรวจซ้ำได้ บางทีบางคนมาแดดร้อนๆอุณหภูมิอาจสูงได้ เพราะหากเกิดอะไรขึ้นในสภาซึ่งมีผู้ใหญ่ทั้งนั้น อาจทำให้เป็นปัญหาตามมา

สังฆราชฯปลื้มพระปลอดโควิด

ช่วงบ่ายที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เพื่อถวายเทียนพรรษาและเครื่องสักการะเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา 2563 ว่า สมเด็จพระสังฆราชฯและสมเด็จพระวันรัต พูดตรงกันว่าเป็นเรื่องที่โชคดีที่พระสงฆ์บ้านเราไม่มีสถิติติดเชื้อโควิด-19 เลย จึงชื่นชมไปว่าคณะสงฆ์ต่างๆก็ดูแลกันเป็นอย่างดี นอกจากดูแลพระสงฆ์แล้วยังช่วยดูแลประชาชนด้วยเป็นสิ่งที่ดี ได้กราบขอบคุณไปยังทุกคณะสงฆ์ด้วย เราต้องติดตามสถานการณ์การผ่อนคลายระยะที่ 5 หลัง 14 วันไปแล้วว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป สิ่งสำคัญคือต้องเตรียมรับมือ

เชื่อหยุดยาว ศก.สะพัดนับหมื่นล้าน

นายกฯยังกล่าวถึงการประเมินสถานการณ์ปริมาณเม็ดเงินในช่วงวันหยุดยาวว่า กระทรวงการคลังประเมินแล้วหลังผ่อนคลายมาตรการโควิดระยะที่ 5 และช่วงวันหยุดยาว จะทำให้มีปริมาณเม็ดเงินหลายหมื่นล้านบาท เพราะเท่าที่เห็นประชาชนเริ่มออก ท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น มีจองโรงแรมหลายแห่ง สิ่งเหล่านี้ทำให้เห็นว่าเมื่อเปิดให้กิจการ/กิจกรรมต่างๆดำเนินการได้ทุกอย่างก็ดีขึ้นเอง เพราะหากรัฐบาลต้องช่วยทุกคนจะใช้เงินมากเท่าไหร่ มันไม่ไหวหรอก เราจึงต้องปล่อยให้ทุกอย่างกลับมาเดินหน้า

เปิดแล็บตรวจโควิดกลุ่มฟาสต์แทร็ก

อีกด้าน ที่ห้องประชุมอาคารสำนักงาน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ น.ท.สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นพ.สุวิช ธรรมปาโล ผอ.ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ กรมควบคุมโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุข แถลงความพร้อมการอำนวยความสะดวกแก่กลุ่มชาวต่างชาติที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไทย โดยไม่ต้องถูกกักตัวเป็นเวลา 14 วัน หรือกลุ่มฟาสต์แทร็ก ว่าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิร่วมกับกรมควบคุมโรค จัดตั้งห้องปฏิบัติการสำหรับตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยระบบการตรวจหาสารคัดหลั่งทางพันธุกรรมหรือ PCR ซึ่งมีความรวดเร็วและแม่นยำถึงร้อยละ 95 ทราบผลตรวจภายใน 90 นาที ที่บริเวณโซน G เพื่อรองรับการตรวจคัดกรองกลุ่มฟาสต์แทร็ก โดยมีเจ้าหน้าที่สถาบันบำราศนราดูรและสภากาชาดไทย ปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง ตรวจเชื้อผู้เดินทางเข้าประเทศได้ ชั่วโมงละ 28 คน เพื่อสร้างความมั่นใจให้คนไทยและนานาชาติว่า ปลอดภัยจากกลุ่มผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการหากอยู่ในประเทศไทย

เงื่อนไขต่างชาติเข้าไทยไม่กักตัว

ขณะที่ นพ.สุวิช กล่าวว่า กลุ่มชาวต่างชาติ ที่จะเดินทางเข้าไทยด้วยเงื่อนไขฟาสต์แทร็กจะต้องเป็นบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่มีองค์กรต้นสังกัด หรือ หน่วยงานรัฐหรือเอกชนในประเทศไทย มีหนังสือเชิญหรือหนังสือรับรองให้เดินทางเข้าประเทศ มีกำหนดการเดินทางเข้า-ออกและตารางกิจกรรมที่จะทำระหว่างอยู่ในไทยชัดเจน มีผลตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 ใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง มีใบรับรองแพทย์ Fit to Fly มีประกันสุขภาพ ในการแจ้งลงทะเบียนเข้าไทยผ่านเอกอัครราชทูตไทยและสถานกงสุลใหญ่ในประเทศต้นทาง เมื่อเดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ห้องปฏิบัติการโซน G โดยชาวต่างชาติกลุ่มฟาสต์แทร็ก กระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้กำหนดจำนวนคนเข้าประเทศในแต่ละวัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดให้ลงทะเบียน ซึ่งมี 4 ประเทศ 1 เมืองสนใจเข้าร่วม คือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง

ติดอาวุธดิจิทัล นศ.ตกงาน

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงโครงการฝึกอบรมทักษะด้านดิจิทัลเพื่อช่วยเหลือนักศึกษาจบใหม่ว่า สถานการณ์โควิดจะมีน้องๆนักศึกษาจบใหม่ที่ตกงานและอาจจะมีทักษะพื้นฐานไม่เพียงพอ หรือไม่ตรงกับความต้องการของตลาด ทักษะดิจิทัลมีความจำเป็นในทุกสาขาวิชา หากอบรมทักษะด้านดิจิทัลให้นักศึกษาจบใหม่ 3 เดือน เพื่อเพิ่มศักยภาพให้สามารถหางานได้ และจะมีเงินให้ผู้เข้าร่วมโครงการเดือนละ 10,000 บาท ตั้งเป้าคนอบรมเบื้องต้น 50,000 ราย ต้องเป็นผู้ที่จบการศึกษาปริญญาตรีไม่เกิน 3 ปี ยังไม่มีงานทำ และต้องไม่ซ้ำซ้อนกับคนที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล จะเน้นคนที่ไม่ได้จบด้านดิจิทัล เลือกอบรมได้อย่างน้อย 2 หลักสูตร จาก 4 หลักสูตร คือ 1.การทำ content 2.การจัดการข้อมูลเพื่อทำ Big Data 3.Digital Marketing 4.การทำ E-Commerce และจะมีการทำ Job matching เพื่อให้ผู้ประกอบการได้คนที่มีทักษะตรงกับความต้องการ

หมอชิต 2 เข้มคนออก ตจว.

เย็นวันเดียวกันที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (หมอชิต 2) ถนนกำแพงเพชร มีประชาชน ทุกเพศทุกวัยที่แห่กันมาใช้บริการรถโดยสารเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงวันหยุดยาว 4 วัน ท่ามกลางมาตรการที่เข้มข้นในการตรวจคัดกรองป้องกันโควิด-19 ของสถานีขนส่งหมอชิต 2 ประกอบด้วยการเช็กอิน ตรวจวัดอุณหภูมิ สวมหน้ากากอนามัย และนั่งแบบเว้นระยะห่างทั้งระหว่างรอรถและอยู่บนรถ โดยเจ้าหน้าที่สถานีขนส่ง ได้เปิดให้ประชาชนเข้าออกประตูทางเข้าที่ 2 ชั้น 1 และ ชั้น 3 เท่านั้น พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ ตั้งจุดคัดกรองผู้โดยสารกับคอยประชาสัมพันธ์อำนวยความสะดวกในการสแกนคิวอาร์โค้ดไทยชนะ

ตำรวจร่วมดูแลเน้นให้มีเว้นระยะ

ต่อมา พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พล.ต.ต.คมศักดิ์ สุมังเกษตร ผบก.จร. พล.ต.ต.พัฒนา เพศยนาวิน ผบก.น.2 พ.ต.อ.กฤษฎางค์ จิตตรีพล ผกก.สน.บางซื่อ เดินทางมาร่วมอำนวยความสะดวกด้านการจราจร พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า มาดูความเรียบร้อยตามมาตรการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติวางไว้ สถานีขนส่งมีมาตรการควบคุมปริมาณผู้โดยสารที่จะเข้าใช้บริการ กำหนดให้เข้าใช้บริการด้านในได้ไม่เกิน 1,000 คน ส่วนที่เหลือได้จัดเก้าอี้ไว้ให้นั่งคอยด้านนอกอาคาร

บขส.เตรียมรถส่งคนไม่ตกค้าง

นายมาโนช สายชูโต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายธุรกิจเดินรถ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กล่าวว่า บขส.เตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงวันหยุดยาว 4-7 ก.ค. โดยจัดรถโดยสารรองรับประชาชนวันละ 5,183 เที่ยว เที่ยววิ่งเสริม 1,700 เที่ยว เตรียมรถโดยสารไม่ประจำทาง 200 คัน รองรับประชาชนได้ประมาณ 100,000 คน ประเมินว่าในวันที่ 3 ก.ค.จะมีประชาชนเดินทาง 100,230 คน ทั้งนี้ จากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ผู้โดยสารเดินทางโดยรถสาธารณะลดลงเหลือประมาณวันละ 30,000 คน จากปกติมีผู้ใช้บริการประมาณวันละ 80,000-100,000 คน และจากการผ่อนปรนระยะที่ 4 ทำให้ปัจจุบันมีผู้โดยสารมาใช้บริการวันละ 56,000 คน ขณะที่ยอดจองตั๋วโดยสารล่วงหน้าในวันที่ 3 ก.ค.ประมาณ 40,000 คน เป็นเส้นทางภาคเหนือ ร้อยละ 65 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 61 ภาคใต้ ร้อยละ 91

สถานบันเทิงฝ่าฝืนผ่อนปรน

อย่างไรก็ตาม หลังมีการผ่อนปรนเฟส 5 ได้พบมีสถานบันเทิงฝ่าฝืน ทั้งนี้ นายคึกฤทธิ์ เรกะลาภ ปลัดอำเภอเมืองมหาสารคาม เปิดเผยหลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบสถานบันเทิง 5 แห่ง และร้านอาหารจำหน่ายสุรา 3 แห่ง เพื่อกำชับให้ปฏิบัติตามมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 5 พบว่าสถานบันเทิง 2 แห่ง ไม่เข้มมาตรการเว้นระยะห่าง นั่งเกิน 5 คนต่อโต๊ะ ปล่อยให้ยืนเต้นเบียดเสียด ตะโกนคุยกันโดยไม่ใส่หน้ากากอนามัย นักดนตรีไม่ใส่เฟซชิลด์ไม่มีฉากกั้นที่เวทีนักดนตรีถือเป็นความเสี่ยง ได้ตักเตือนให้ปฏิบัติตามมาตรการ ถ้ามาตรวจรอบหน้าหากยังพบไม่ปฏิบัติตามมาตรการผ่อนปรน จะเสนอให้จังหวัดสั่งปิดต่อไป

เข้มอาบอบนวดหลังหมอนวดเกลี้ยงตู้

พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ รอง ผบก.ภ.จ. เชียงใหม่ พร้อมเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และหน่วยงานเกี่ยวข้อง ตรวจสถานอาบอบนวด ซายูริ คอมเพล็กซ์ อ.เมืองเชียงใหม่ หลังจากเปิดให้บริการวันแรกมีลูกค้ามาใช้บริการจนต้องรอคิวนาน บางรายรอไม่ไหวกลับไปก่อน พบว่าทางร้านทำการวัดอุณหภูมิ จัดให้สแกนคิวอาร์โค้ด “ไทยชนะ” จัดให้มีเจลล้างมือตามมาตรการคุมเข้ม เจ้าหน้าที่ได้กำชับผู้ประกอบการและผู้มาใช้บริการ ให้ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ตรวจวัดอุณหภูมิลูกค้าก่อนใช้บริการ ให้มีการเว้นระยะห่างทางสังคม มีจุดบริการแอลกอฮอล์ล้างมือก่อนใช้บริการ รวมทั้งสแกนคิวอาร์โค้ดไทยชนะทุกครั้ง

จัดโครงการชุดนักเรียนปันสุข

ส่วนที่บ้านเลขที่ 95/33 ซอยเหล่านาดี 10 ถนนเหล่านาดี อ.เมืองขอนแก่น ของ น.ส.ชุติมา แสนทวีสุข อายุ 46 ปี ผู้โพสต์เฟซบุ๊กขอรับบริจาคชุดนักเรียนทำโครงการ “ชุดนักเรียนปันสุข” ผู้สื่อข่าวไปดูพบว่า ที่หน้าบ้านตั้งราวแขวนชุดนักเรียนไว้ให้ผู้ที่ต้องการชุดนักเรียนไปให้ลูกหลานใส่ น.ส.ชุติมา กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของการบริจาคชุดนักเรียนจากผู้ที่ไม่ใช้แล้วมาจากตนเองและญาติพี่น้อง มีชุดนักเรียนที่ไม่ใช้แล้วจำนวนมาก รวมถึงเสื้อผ้าอื่นๆด้วย จึงนำมาแขวนหน้าบ้าน เพื่อให้ผู้ที่ผ่านไปมาหยิบไปใส่ได้ พบว่ามีชาวชุมชนและผู้ที่มีลูกหลานอยู่ในวัยเรียน มาเลือกชุดนักเรียนไปจำนวนมาก ขณะนี้ยังรับบริจาคเรื่อยๆ เพราะยังมีผู้ที่มีความต้องการชุดนักเรียนแวะเวียนมาเลือกชุดไปให้บุตรหลาน รวมทั้งติดต่อเข้ามาขอให้นำมาบริจาคที่โรงเรียนอีก ผู้สนใจบริจาคติดต่อโดยตรงได้ทางเฟซบุ๊กหรือส่งมาทางไปรษณีย์หรือขนส่งก็ได้

โลกติด 11 ล้าน–มะกันทำสถิติ

ด้านสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในต่างประเทศ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 3 ก.ค. ว่า ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกได้พุ่งสูงถึง 11 ล้านคนอย่างเป็นทางการ เสียชีวิตรวมมากกว่า 525,000 คน โดยสหรัฐอเมริกาได้สร้างสถิติโลก พบผู้ติดเชื้อในวันเดียว 54,879 คน แซงหน้าสถิติของบราซิลเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ที่มีผู้ติดเชื้อวันเดียว 54,771 คน ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อรวมในสหรัฐฯเพิ่มเป็น 2.83 ล้านคน เสียชีวิตรวมมากกว่า 132,000 คน

21 รัฐสั่งสวมหน้ากากอนามัย

ขณะที่นายเกร็ก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส สังกัดพรรครัฐบาลรีพับลิกัน ประกาศใช้มาตรการสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ หลังรัฐเท็กซัสกำลังกลายเป็นจุดศูนย์กลางการแพร่ระบาดรุนแรง พบผู้ติดเชื้อในรัฐวันเดียวสูงเกือบ 8,000 คน และส่งผลให้รัฐเท็กซัสกลายเป็นรัฐที่ 21 ของสหรัฐฯที่ใช้มาตรการบังคับสวมหน้ากาก กระนั้นนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวถึงกรณีนี้ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้แสดงจุดยืนมาตลอดว่าการสวมหน้ากากอนามัยไม่ถึงขั้นต้องเป็นวาระแห่งชาติ

ผู้ดีเริ่มไม่กักตัวนักเดินทาง 10 ก.ค.

ด้านกระทรวงคมนาคมอังกฤษ ออกแถลงยืนยันว่ารัฐบาลอังกฤษได้กำหนดรายชื่อประเทศ ที่นักเดินทางจะได้รับการผ่อนผันไม่จำเป็นต้องกักบริเวณตัวเอง 14 วัน เมื่อเข้ามาในอังกฤษ ในจำนวนเบื้องต้น 50 ประเทศและอาจเพิ่มเติมในภายหลัง โดยรายชื่อฉบับเต็มจะประกาศให้ทราบต่อไป และคำสั่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 ก.ค. ซึ่งจะรวมถึงประเทศหลักๆในยุโรปอย่างฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน อิตาลี และประเทศที่มีอัตราการแพร่ระบาดต่ำอย่างนิวซีแลนด์ แต่สำหรับสหรัฐฯจะยังอยู่ในสถานะสีแดง ไม่ได้รับการผ่อนผัน

จีนพบลิงมีภูมิป้องกันติดเชื้อซ้ำ

ส่วนที่ประเทศจีน นักวิจัยประจำวิทยาลัยสหภาพการแพทย์ในกรุงปักกิ่ง เผยแพร่ผลวิจัยที่บ่งชี้ว่า ลิงวอกที่ถูกทดลองฉีดไวรัสโควิด-19 เข้าร่างกาย ได้มีการสร้างภูมิคุ้มกันระยะสั้น ที่ช่วยป้องกันการติดไวรัสซ้ำสองเป็นเวลานาน 28 วัน โดยทั้งนี้ ทีมวิจัยทดลองฉีดไวรัสให้ลิง 6 ตัว ลิงกลุ่มดังกล่าวล้มป่วยและฟื้นตัวภายในเวลา 2 สัปดาห์ จากนั้นจึงทำการฉีดไวรัสซ้ำ และพบว่ามีลิง 4 ตัวที่ไข้สูงระยะสั้น แต่ไม่พบการแพร่ระบาดของเชื้อในร่างกาย กระนั้น ทีมวิจัยระบุด้วยว่า ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่ามนุษย์จะสร้างภูมิคุ้มกันที่ป้องกันการติดเชื้อซ้ำได้เหมือนลิงหรือไม่ ทั้งนี้ คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกรุงปักกิ่งเพียง 2 คน

โสมขาวยอดพุ่งรอบ 2 สัปดาห์

ที่เกาหลีใต้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (KCDC) แถลงพบการติดเชื้อรายใหม่ในเกาหลีใต้ 63 คน ในจำนวนนี้ 52 คน เป็นการติดเชื้อภายในประเทศ ที่ส่วนใหญ่อยู่นอกพื้นที่กรุงโซล ซึ่งกรณีนี้ถือว่าเป็นการติดเชื้อทำสถิติในรอบ 2 สัปดาห์ พร้อมแสดงความวิตกกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดในเมืองกวางจู ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ หลังพบผู้ติดเชื้อกว่า 50 คนในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา แต่ทางการท้องถิ่นเมืองกวางจู ได้มีคำสั่งปิดสถานที่สาธารณะอย่างห้องสมุด และพิพิธภัณฑ์แล้ว

พบอื้อเพราะตรวจสถานบันเทิง

ขณะที่ญี่ปุ่น นางยูริโกะ โคอิเคะ ผู้ว่าการกรุง โตเกียว ออกแถลงการณ์ว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกรุงโตเกียว 124 คน ถือเป็นการติดเชื้อในวันเดียวที่ยอดเกิน 100 คน สองวันติดต่อกัน หลังจากเมื่อวันที่ 2 ก.ค. ก็พบผู้ติดเชื้อในกรุงโตเกียว 107 คน กระนั้น สาเหตุที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งสูง เนื่องจากทางการได้เร่งตรวจหาเชื้อในย่านสถานบันเทิงชินจุกุและอิเคะบุคุโระในกรุงโตเกียว ส่วนนายโยชิฮิเดะ ซูกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า ถึงยอดผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้น แต่จำนวนผู้ล้มป่วยหนักได้ลดลง

Let's block ads! (Why?)


July 04, 2020 at 05:30AM
https://ift.tt/3dRg29q

คน 17 ประเทศสนใจเข้ามารักษาโควิดในไทย - ไทยรัฐ
https://ift.tt/3e2ph87
Home To Blog

No comments:

Post a Comment