ทั้งนี้ หากจำแนกออกเป็นรายประเทศพบว่า ในรอบ 2 สัปดาห์ล่าสุดมีอย่างน้อย 30 ประเทศมีผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากจำนวนดังกล่าวมี 11 ประเทศและดินแดนยืนยันการติดเชื้อภายในชุมชนมากขึ้น ซึ่งหากเกิดความผิดพลาดกับกระบวนการตรวจสอบและคัดกรองโรค "แม้เพียงนิดเดียว" ระบบสาธารณสุขของยุโรปจะกลับไปยืนอยู่บนปากเหวอีกครั้งทันที
สำหรับ 11 ประเทศและดินแดนที่ดับเบิลยูเอชโอจัดให้เป็น "กลุ่มเสี่ยงใหม่" ได้แก่ อาร์มีเนีย สวีเดน มอลโดวา มาซิโดเนียเหนือ อาเซอร์ไบจาน คาซัคสถาน แอลเบเนีย บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา คีร์กีซสถาน ยูเครน และโคโซโว ขณะที่ประเทศอย่างเยอรมนี โปแลนด์ สเปน และอิสราเอล เป็นกลุ่มประเทศที่มีมาตรการตอบสนองต่อโรคอย่างรวดเร็ว
แม้เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่กลับมาแพร่ระบาดอีกในยุโรป อย่างไรก็ตาม ดับเบิลยูเอชโอประเมินสถานการณ์ "จะทรงตัวมากขึ้น" ในช่วงฤดูร้อน ก่อนที่ทุกฝ่ายต้องยกระดับความพร้อมตอบสนองต่อโรคโควิด-19 ให้มากกว่าเดิมในช่วงฤดูใบไม้ร่วงต่อเนื่องฤดูหนาว เนื่องจากเป็นช่วงที่ยุโรปเผชิญกับไข้หวัดใหญ่และปอดบวม "ตามฤดูกาล" ซึ่งยังไม่มีวัคซีนป้องกันและยารักษาโรค "ที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง" อีกทั้งอาการพื้นฐานยังมีความคล้ายคลึงกับอาการป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ด้วย
ในวันเดียวกัน นายเยนส์ สพาห์น รมว.กระทรวงสาธารณสุขของเยอรมนี ประกาศว่ารัฐบาลเบอร์ลินเตรียมมอบเงินสนับสนุให้กับดับเบิลยูเอชโอมากกว่า 500 ล้านยูโนในปีนี้ ( ราว 17,331.5 ล้านบาท ) ถือเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้านนายโอลิวิเยร์ เวราน รมว.กระทรวงสาธารณสุขของฝรั่งเศส กล่าวว่ารัฐบาลปารีสเตรียมบริจาคหน้ากากอนามัย 100 ล้านชิ้นให้กับดับเบิลยูเอชโอ และเงินสนับสนุน 140 ล้านยูโร ( ราว 4,852.83 ล้านบาท ) แบ่งเป็น 90 ล้านยูโร สำหรับศูนย์วิจัยในเมืองลียง ( ราว 3,119.68 ล้านบาท ) และอีก 50 ล้านยูโร ( ราว 1,733.15 ล้านบาท ) เข้าสู่ส่วนกลางที่เมืองเจนีวา.
เครดิตภาพ : REUTERS
June 26, 2020 at 09:56AM
https://ift.tt/380O1ea
'โควิด-19' เริ่มกลับมาระบาดในหลายประเทศยุโรป - เดลีนีวส์
https://ift.tt/3e2ph87
Home To Blog
No comments:
Post a Comment